ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์บอกอะไร ว่าที่คุณแม่ต้องรู้เกี่ยวกับอาการท้องแข็ง

14 November 2017
371055 view

ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์

.

อาการท้องแข็ง หรือเจ็บท้องในคุณแม่ตั้งครรภ์ ถ้าเป็นในระดับที่ไม่รุนแรง เจ็บ ๆ หาย ๆ อาจไม่น่ากังวล แต่ถ้าคุณแม่รู้สึกเจ็บมาก ๆ และไม่หาย ต้องพบสูติแพทย์ อาการท้องแข็งมีทั้งอันตรายและไม่อันตราย ว่าที่คุณแม่ควรรู้และสังเกตให้เป็น รายละเอียดเรื่องท้องแข็ง Mamaexpert นำมาฝากละเอียดยิบเหมื่อเช่นเคย ไปอ่านกันจ้า 

อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์เกิดจากอะไร บ่งบอกอะไรหรือไม่

อาการท้องเเข็งดังกล่าวเกิดจากการบีบตัวของมดลูก สามารถเกิดขึ้นได้แม้แต่ผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ โดยสังเกตได้จากอาการปวดท้องเวลามีประจำเดือน ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์มดลูกจะขยายใหญ่ขึ้น และการบีบตัวก็จะมีมากขึ้น จนทำให้คุณแม่รู้สึกปวดท้องหรือท้องแข็งนั่นเอง ซึ่งเกิดจากเลือดที่มาเลี้ยงมดลูกน้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกขาดเลือด คุณแม่จึงรู้สึกเจ็บ ๆ ตึง ๆ ที่ท้อง ธรรมชาติมดลูกจะบีบตัวมากที่สุดตอนจะคลอดค่ะ แต่ถ้าคุณแม่มีอาการท้องแข็งหรือปวดท้องมากทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด อาจเป็นสัญญาณเตือนของการคลอดก่อนกำหนดได้

ท้องแข็งขณะตั้งครรภ์แบบไหนอันตราย

1. อาการท้องแข็งจริงขณะตั้งครรภ์

เกิดจากมดลูกบีบตัว เมื่อคลำที่หน้าท้องจะรู้สึกว่าท้องเป็นก้อนแข็ง และรู้สึกเจ็บแบบปวดนาน ๆ นอนพักแล้วก็ไม่หาย และถ้ามีเลือดออกร่วมด้วย ควรพบแพทย์โดยด่วน เพราะเป็นอาการท้องแข็งที่อันตรายโดยเฉพาะกับคุณแม่ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 5 เดือน และยังไม่ถึงกำหนดคลอดเพราะอาจแท้งบุตรได้

2. อาการท้องแข็งลวงขณะตั้งครรภ์

เกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไป ทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เมื่อคลำที่หน้าท้อง ท้องจะตึงที่บริเวณผนังหน้าท้อง อาการปวดหรือเจ็บท้องจะไม่สม่ำเสมอ มีเจ็บแบบสั้นบ้างยาวบ้าง การเจ็บจะไม่ค่อยรุนแรง อาการท้องแข็งลวง ยังเกิดได้จากการถูกกระตุ้นที่ผนังมดลูก ส่วนใหญ่จะมีอาการแบบนี้ตั้งแต่อายุครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป เพราะคุณแม่จะรู้สึกได้ว่าลูกดิ้น เมื่อลูกดิ้นไปโดนที่ผนังมดลูก มดลูกก็จะถูกกระตุ้นให้บีบตัวจนรู้สึกเจ็บได้ แต่จะเจ็บไม่มาก ไม่สม่ำเสมอ เรียกว่า “เจ็บท้องเตือน”บางครั้งการเปลี่ยนอิริยาบถอย่างการลุกนั่งเร็ว ๆ การเดินเร็ว และการทำกิจกรรมที่ผาดโผน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการกระตุ้นให้ลูกในท้องเคลื่อนไหวไปโดนผนังมดลูก ทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรระวัง เพราะถ้ามดลูกบีบตัวมาก ๆ อาจกระตุ้นให้เจ็บท้องเตือนกลายเป็นเจ็บท้องจริงทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือแท้งลูกได้

วิธีบรรเทา อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์

.

.

1. ลดกิจกรรมพาท้องแข็ง ไม่ทำงานหนัก ก้มยกของหนัก หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อลดการถูกกระตุ้นที่ผนังมดลูก

.

.

2. งดการมีเพศสัมพันธ์ช่วงตั้งครรภ์ 32 สัปดาห์เป็นต้นไป หรืองดกิจกรรมทางเพศที่ผาดโผน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับลูกน้อย  เนื่องจากช่วงนี้มดลูกมีการขยายตัวตามสรีระของลูกในครรภ์ที่เจริญเติบโตเต็มที่ ดังนั้นหากคุณแม่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ จะส่งผลทำให้มดลูกเกิดการบีบตัวเมื่อคุณแม่ถึงจุดสุดยอด และในเชื้ออสุจิก็มีสาร โปรสต้าแกลนดิน ที่เป็นสารทำให้มดลูกขยายตัวอีกด้วยค่ะ

.

.

3. ไม่ควรขับรถเอง การขับรถเองในช่วงที่ท้องใหญ่ขึ้น คุณแม่จะต้องนั่งอยู่ในท่าที่หน้าท้องถูกกดทับ รถที่วิ่ง ๆ หยุด ๆ จะทำให้ลูกกระแทกผนังมดลูกไปมา อาจทำให้เกิดการเจ็บท้องหรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้

.

.

4. ไม่อั้นปัสสาวะ เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะเกิดการอักเสบ จะกระตุ้นให้มดลูกแข็งตัวจนแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้

.

.

5. ไม่กระตุ้นบริเวณเต้านม งดการกระตุ้นเต้านมโดยเฉพาะบริเวณหัวนม ขณะมีเพศสัมพันธ์ และในกรณีที่คุณแม่มีลูกเล็กและกำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรให้ลูกหย่านม เพราะการดูดนมแม่ จะส่งผลให้มดลูกบีบรัดตัวตามไปด้วย

.

.

6. ลดปริมาณเนื้อสัตว์ ในกรณีที่ท้องแข็งเพราะมีแก๊สในกระเพาะ ควรหันมากินผักผลไม้เพื่อเพิ่มไฟเบอร์และดีต่อระบบขับถ่าย ลดการเกิดแก๊สในลำไส้ ทำให้หายแน่นท้องได้

.

.

คุณแม่ที่ท้องแข็งเร็วคือตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์หรือรู้สึกเจ็บท้องมากๆควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุจากเนื้องอกในมดลูกได้ ท้องแข็งรักษาได้ ถ้าคุณแม่มีอาการท้องแข็ง จากการที่มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด แพทย์จะให้นอนพักและให้กินยาเพื่อลดการบีบรัดตัวของมดลูก หรือในกรณีที่ท้องแข็งรุนแรงจนกินยาไม่หาย แพทย์จะวินิจฉัยว่าเกิดจากอะไร เช่น ปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด มีการอักเสบติดเชื้อที่ช่องคลอด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งแพทย์จะรักษาให้ตามสาเหตุ

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. ความแตกต่างระหว่างเจ็บครรภ์เตือนและเจ็บครรภ์จริง

2. 5 สัญญาณเตือนว่าใกล้คลอดแล้ว

3. เจ็บหัวหน่าวขณะตั้งครรภ์ รักษาอย่างไรดี

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team