อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ทั้งคุณแม่และลูกในท้องต่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตื่นเต้น เริ่มมีเสียงหัวใจเล็กๆ ที่เต้นรัวเหมือนเพลงรัก ส่วนคุณแม่ก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกที่เป็นสัญญาณว่าชีวิตเล็กๆ กำลังเติบโตเต็มที่ ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณแม่มาดูกัน ว่าช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

การเปลี่ยนแปลงของทารกในครรภ์เมื่อ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์

เมื่อ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ทารกในครรภ์เริ่มมีพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้น ทั้งมีผิวที่บางและใสขึ้น พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่รู้สึกได้ชัดเจนจากคุณแม่ เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของการเจริญเติบโตเลยก็ว่าได้

1.ขนาดและน้ำหนัก

เมื่อเข้าสู่ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ทารกในครรภ์มีขนาดที่น่าทึ่ง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมบูรณ์แบบ ความยาวของตัวน้อยๆ อยู่ที่ประมาณ 30-32 เซนติเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับผลไม้ขนาดใหญ่ ผลลัพธ์นี้แสดงให้เห็นว่าทารก ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความสมดุลในขนาดร่างกาย ขณะเดียวกัน น้ำหนักของทารกอยู่ที่ประมาณ 600 กรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่แสดงให้เห็นถึงการสะสมของไขมัน และกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่เริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ น้ำหนักและความยาวที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ทารกกำลังเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง 

2.การเจริญเติบโตของอวัยวะ 

ในช่วง อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ การเจริญเติบโตของอวัยวะภายในทารกในครรภ์เริ่มมีความคืบหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสมอง ระบบหายใจ และประสาทสัมผัสต่างๆ กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดในไม่ช้า

• ปอดเริ่มพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วงนี้จะมีการสร้างสาร Surfactant ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดแรงเสียดทานในถุงลมปอด ทำให้ปอดสามารถขยายตัว และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องหายใจเอง  
• หูเริ่มสามารถรับรู้เสียงจากภายนอกได้แล้ว แม้เสียงยังไม่ชัดเจนเท่ากับในภายหลัง แต่ก็ถือเป็นสัญญาณว่าระบบประสาท และหูของทารกกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับรู้และตอบสนองต่อเสียงต่างๆ ได้ในอนาคต  
• ตาเริ่มเปิดและปฏิกิริยาต่อแสงเริ่มชัดเจนขึ้นในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาสมองและประสาทสัมผัส การที่ตาเปิดและตอบสนองต่อแสงได้แสดงให้เห็นว่า ระบบประสาทและกล้ามเนื้อของทารกกำลังเติบโตและพร้อมสำหรับการรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวเมื่อคลอดออกมา 

3.การเคลื่อนไหว 

ในช่วง อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ทารกในครรภ์เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบกล้ามเนื้อ และโครงสร้างต่างๆ ของทารกกำลังพัฒนาอย่างเต็มที่ การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงการเจริญเติบโตเท่านั้น แต่ยังเป็นการฝึกซ้อมสำหรับการเคลื่อนไหวในชีวิตจริงหลังคลอด เช่น การงอตัว ยืดแขน หรือการพลิกตัว ทารกจะเริ่มมีการดิ้นและเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอในแต่ละวัน ซึ่งคุณแม่อาจสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น การดิ้นของทารกอาจมีลักษณะเป็นการเคลื่อนไหวแบบแรงๆ หรือเบาๆ ขึ้นอยู่กับอารมณ์และกิจกรรมของลูกในครรภ์ เช่น ถ้าทารกกำลังตื่นตัวและรู้สึกสนุกสนานกับการเคลื่อนไหว คุณแม่อาจรู้สึกถึงการเตะต่อยหรือการดิ้นอย่างแรง แต่ในบางครั้งก็อาจเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเบาๆ ที่คล้ายกับการสะท้อนของการเต้นของหัวใจ และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อภายในร่างกายของลูก การที่คุณแม่รู้สึกถึงการดิ้นของลูกเป็นสิ่งที่ดี และเป็นสัญญาณว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง 

4.ผิวหนัง

อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ผิวหนังของทารกในครรภ์ยังคงมีลักษณะเหี่ยวย่นอยู่ แม้ว่าจะเริ่มมีไขมันใต้ผิวหนังสะสมมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของการพัฒนาทางร่างกาย ผิวหนังของทารกในช่วงนี้ยังบางและโปร่งใส ทำให้เห็นเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังได้อย่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของทารกเริ่มสร้างชั้นไขมันที่ช่วยรักษาอุณหภูมิและปกป้องผิวหนังจากการเสียดทานจากสิ่งแวดล้อมภายนอกในอนาคต เมื่อไขมันใต้ผิวหนังสะสมเพิ่มขึ้น ผิวหนังจะเริ่มหนาขึ้นและเหี่ยวย่นน้อยลง ซึ่งเป็นสัญญาณของการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์ของร่างกายทารกในครรภ์ หากเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับพัฒนาการของผิวหนังและสุขภาพโดยรวมของทารกในครรภ์ เพื่อให้พัฒนาการเป็นไปอย่างเต็มที่ 

การเปลี่ยนแปลงของคุณแม่เมื่อ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของคุณแม่เมื่อ อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ ก็มีดังนี้

1.รูปร่างและน้ำหนักตัว

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายคุณแม่ จะเริ่มสังเกตเห็นการขยายของหน้าท้องและการเพิ่มของน้ำหนักตัวอย่างชัดเจน โดย

• น้ำหนักตัวของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่เหมาะสมและเป็นปกติในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากร่างกายกำลังสร้างเนื้อเยื่อและไขมันเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมทั้งการสะสมของน้ำและสารอาหารต่าง ๆ  
• หน้าท้องจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมดลูกที่ขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของทารกในครรภ์ ซึ่งทำให้คุณแม่รู้สึกว่าหน้าท้องเริ่มมีขนาดที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น โดยในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณแม่เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และอาจต้องปรับพฤติกรรมด้านการดูแลตัวเองให้เหมาะสม เช่น การเลือกเสื้อผ้าที่ใส่สบายและหลีกเลี่ยงความเครียดหรือแรงกดดันต่อร่างกาย

2.อาการทางร่างกาย

คุณแม่อาจเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่หลากหลาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติและเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายกำลังปรับตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ การเข้าใจอาการต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง และเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข 

• อาจมีอาการบวมเล็กน้อยที่เท้าและข้อเท้า ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากระดับฮอร์โมนและปริมาณของของเหลวในร่างกายเพิ่มขึ้น อาการนี้อาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือรู้สึกหนักเท้า ควรพักผ่อนยกเท้าให้สูงขึ้นและสวมใส่รองเท้าที่ใส่สบายเพื่อลดอาการบวมลง  
• อาจเริ่มมีอาการปวดหลัง หรือปวดบริเวณเชิงกราน ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของมดลูก ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในบริเวณนี้ต้องรับแรงมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนเป็นเวลานาน ๆ และทำกายบริหารเบา ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ  
• อาจมีเส้นเลือดขอด หรือรอยแตกลาย ซึ่งเกิดจากการขยายตัวของผิวหนังและเส้นเลือดใต้ผิวหนัง รอยแตกลายอาจปรากฏเป็นเส้นสีชมพูหรือขาวบนผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือสะโพก ส่วนเส้นเลือดขอดมักพบในบริเวณขาและเท้า การดูแลรักษาอาการเหล่านี้ควรรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนังและสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นเกินไป รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

3.การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ 

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่มักจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างรวดเร็ว และคาดเดาไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงความกังวลใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและการเป็นแม่ในอนาคต ความรู้สึกเศร้า ความวิตกกังวล หรือความสุขที่แปรเปลี่ยนไปเป็นช่วง ๆ เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง การดูแลใจและให้กำลังใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข

ปัญหาสุขภาพที่คุณแม่ควรระวัง

การตั้งครรภ์ในช่วง อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ เป็นช่วงเวลาที่ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพที่อาจส่งผลต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ การรู้จักและเฝ้าระวังอาการผิดปกติ รวมถึงภาวะสุขภาพที่ควรระวังเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย 

1. ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อตัวคุณแม่และทารก เช่น น้ำหนักทารกมากเกินไป ปัญหาในการคลอด หรือภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพในอนาคต ควรรับประทานอาหารที่สมดุลและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์  
2. ความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ หรือการคลอดก่อนกำหนด ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำและหลีกเลี่ยงความเครียด รวมทั้งรับประทานอาหารที่เน้นผักผลไม้และลดเค็ม  
3. สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องรุนแรง น้ำเดินก่อนกำหนด ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีหากพบอาการดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

การดูแลและข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่  

การดูแลตัวเองในช่วง อายุครรภ์ 24 สัปดาห์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพดีและปลอดภัย การปฏิบัติตามข้อควรปฏิบัติอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน และส่งเสริมให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเราก็มีคำแนะนำมาฝากดังนี้

1. ฝากครรภ์สม่ำเสมอ ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด เพื่อตรวจสุขภาพและติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ รวมทั้งรับคำแนะนำที่เหมาะสม  
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรเน้นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และธาตุเหล็ก เพื่อเสริมสร้างร่างกายและพัฒนาการของลูกในครรภ์  
3. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มที่ประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง และหลีกเลี่ยงความเครียด เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูพลังงานและลดความเครียด  
4. ออกกำลังกายเบาๆ ตามคำแนะนำแพทย์ เช่น การเดินเบาๆ โยคะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและลดความเครียด  
5. สังเกตการดิ้นของลูก ควรตรวจสอบว่าเด็กในครรภ์ดิ้นเป็นปกติ โดยทั่วไปควรมีการดิ้นอย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าทารกมีความแข็งแรงดี  
6. ดูแลสุขภาพจิตใจ ควรหาเวลาผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชอบ และพูดคุยกับคนรอบข้าง เพื่อให้จิตใจสงบและลดความวิตกกังวลในช่วงตั้งครรภ์

การ ตั้งครรภ์ 24 สัปดาห์ เป็นระยะที่ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคุณแม่ควรใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและส่งเสริมพัฒนาการของลูกในครรภ์ ควรฝากครรภ์สม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการออกกำลังกายเบา ๆ และสังเกตการดิ้นของลูกอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณแม่มีความสุข และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ได้อย่างไม่ต้องกังวล

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1.7 ดอกไม้สีชมพูสวยๆ ปลูกไว้ประดับสวน เพิ่มสีสันที่งดงาม

2.7 ต้นไม้เรียกทรัพย์ ปลูกแล้วรวย เสริมดวง เสริมความเป็นมงคล

3.6 ต้นไม้มงคล เรียกทรัพย์ค้าขาย ปลูกไว้เลยค้าขายดีแน่นอน

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team