ต้องเรียนตามตรงว่าในทางทฤษฎีนั้น ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ชิ้นใด ที่สามารถยืนยันฟันธงได้ 100% ว่าคลื่นแม่เหล็กจากการใช้โทรศัพท์มือถือ มีผลร้ายอย่างไรกับเด็ก หรือต้องได้รับในปริมาณเท่าไร นานแค่ไหน จึงจะส่งผลต่อร่างกาย อันนี้ยิ่งไม่มีใครบอกได้ มีเพียงแต่ข้อมูลที่ว่า คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือนานๆเสี่ยงที่จะเป็นโรคเนื้องอกในสมองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลงานวิจัยใหญ่ในต่างประเทศที่เก็บข้อมูลจากคนนับแสน พบว่า ถึงแม้เราจะใช้โทรศัพท์มือถือกันอย่างแพร่หลายเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ก็ไม่พบว่าคนเป็นเนื้องอกในสมองกันมากขึ้น
สรุป ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่าคลื่นจากโทรศัพท์มือถือ เป็นสาเหตุทำให้เกิดเนื้องอกในสมอง และในยุคปัจจุบัน โอกาสที่พ่อแม่จะให้ลูกหลีกเลี่ยงไม่เจอคลื่นเหล่านี้คงน้อยมาก และต้องยอมรับว่าโทรศัพท์มือถือเอง ก็มีข้อดีหลายอย่าง
ทางที่ดีหากจะให้ลูกใช้ ก็ควรเฝ้าระวัง ได้แก่
1.ให้ลูกใช้โทรศัพท์มือถือกรณีจำเป็นเท่านั้น ใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ และนานๆครั้ง คุยธุระเสร็จก็รีบวางสาย
โดยไม่ลืมที่จะอธิบายให้ลูกฟังว่า ภัยจากโทรศัพท์มือถือมีอะไรบ้าง และทำไมพ่อแม่ไม่อยากให้หนูใช้นานๆ เพราะพ่อแม่เป็นห่วงลูก
2.ควรใช้อุปกรณ์เสริมในการพูดโทรศัพท์ เพื่อให้ตัวเครื่องอยู่ห่างจากสมองและหู โดยอาจจะใช้หูฟังหรือ bluetooth แทน
3.หลีกเลี่ยงการวางโทรศัพท์มือถือในสถานที่ที่ลูกอยู่ เช่น ในเปล หัวนอนบนเตียงนอนห้องลูก หรือบริเวณที่ลูกชอบอยู่ เพราะโทรศัพท์มือถือจะมีการแผ่รังสี แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้มันก็ตาม
ข้อดีอันสุดท้ายของการเลี่ยงใช้โทรศัพท์มือถือขณะอยู่ใกล้ลูก คือ เราจะได้มีเวลาอยู่กับลูกจริงๆ ได้เล่นและคุยกับลูก เพราะเด็กๆต้องการเวลาจากพ่อแม่ อยากแบ่งปันความรู้สึก อยากพูดคุย อยากอยู่กับพ่อแม่ตลอดเวลา
อย่าเป็นพ่อแม่ที่แค่บอกว่ามีเวลาอยู่กับลูก แต่ใจส่วนใหญ่ไปอยู่กับโทรศัพท์มือถือ เพราะลูกคือสิ่งสำคัญ และตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน อยากให้ลูกไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ พ่อแม่คือตัวอย่าง
บทความโดย : พญ. กัลย์สุดา อริยะวัตรกุล
ความชำนาญ : ต่อมไร้ท่อ
ต้นสังกัด : รพ.สมิติเวชธนบุรี เวลาออกตรวจทุกวันพุธ 17.00-20.00 น.
ที่ปรึกษาTeam Editorial www.mamaexpert.com