โรคเท้าแบนในเด็ก
.
.
โรคเท้าแบน เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อยในเด็ก สำหรับโรคนี้คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าคืออะไร และส่งผลเสียต่อลูกอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องทำคือสังเกตเท้าของลูกก่อนเลยว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ซึ่งหากคุณพ่อ คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจว่าลูกของตนเองนั้นมีภาวะเกี่ยวกับโรคนี้หรือไม่ วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคนี้กันว่าเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ป้องกันและแก้ไขได้ทันเวลานั่นเอง
โรคเท้าแบนในเด็ก คืออะไร
โรคเท้าแบน คือ ภาวะที่เด็กไม่มีอุ้งเท้า หากเราสังเกตให้ดีจะพบว่าคนปกติโดยทั่วไปจะมีรอยเว้าที่เท้า สังเกตได้จากการเหยียบพื้นดินหรือทรายจะพบว่ารอยที่พื้นจะเว้าไปตามเท้า ไม่เต็มทั้งฝ่าเท้า ส่วนภาวะ เท้าแบน ก็คือ จะมีลักษณะเท้าที่ตรงกันข้าม คือ เมื่อเหยียบพื้นดินหรือทรายจะพบว่ารอยเท้าที่พื้นนั้นเต็มฝ่าเท้า โดยส่วนใหญ่เราจะพบโรคนี้ในเด็กเป็นลักษณะเท้าแบนแบบยืดหยุ่น โดยเวลาที่เขายืนฝ่าเท้าจะเรียบไปกับพื้น แต่เมื่อมีการเขย่งปลายเท้าจะเห็นรอยเว้าโค้งเหมือนเท้าปกติ ส่วนอีกแบบหนึ่งก็คือ เท้าแบน แบบแข็ง ซึ่งก็เป็นภาวะผิดปกติแต่จะพบได้น้อยมาก และจะสามารถพบได้ก็ต่อเมื่อตรวจโดยศัลยแพทย์กระดูกและข้อเท่านั้น
วิธีสังเกตลูกเป็นโรคเท้าแบนหรือไม่
เราสามารถสังเกตได้ว่าลูกมีภาวะโรคเท้าแบนหรือไม่ ได้จากการสังเกตที่อุ้งเท้า หากมีอุ้งเท้าหายไปคือนั่นคือปกติ หากสังเกตดูแล้วพบว่าฝ่าเท้าของลูกเต็มไม่มีรอยเว้าเลย นั่นหมายความว่าลูกของคุณอยู่ในภาวะ โรคเท้าแบน เพราะฉะนั้นหากพบว่าลูกเป็นโรคนี้คุณพ่อ คุณแม่สามารถพาลูกน้อยไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรับการรักษาในขั้นตอนถัดไปได้เลย
แนวทางการรักษา
ต้องอธิบายก่อนว่า โรคเท้าแบน นั้นสามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ ซึ่งหากคุณพ่อ คุณแม่ท่านไหนที่พบว่าลูกเป็นโรคนี้ คุณไม่ต้องกังวลหรือตกใจ เพราะหากคุณได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โอกาสที่ลูกจะกลับมามีลักษณะเท้าที่ปกตินั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน โดยแนวทางการรักษาที่แพทย์แนะนำมีดังต่อไปนี้
- ก่อนอื่นเลยก็คือคุณพ่อ คุณแม่จะต้องมุ่นเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้เกิดการผิดรูปของอุ้งเท้าไปมากกว่าเดิม เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการรักษาที่ยากนั่นเอง
- คุณพ่อ คุณแม่จะต้องควบคุมน้ำหนักของลูกให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ควรปล่อยให้มีนำหนักเกิน เพราะจะยิ่งทำให้เกิดภาวะเท้าแบนมากขึ้นกว่าเดิม และจะทำให้ยากต่อการรักษาด้วยเช่นกัน
- เลือกใช้อุปกรณ์เสริมในรองเท้า เพื่อเป็นการปรับเท้าให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ปกติ ในส่วนของตรงนี้คุณพ่อ คุณแม่อาจจะปรึกษาได้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้อุปกรณ์เสริมในรองเท้าที่ปกติ
- หากสังเกตดูแล้วพบว่าลูกเสี่ยงต่อการเป็น โรคเท้าแบน มากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาเป็นปกติ ควรได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด
- ปรับเปลี่ยนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่จะเสี่ยงทำให้เกิดโรคได้ง่ายขึ้น
- หมั่นทำกายภาพบำบัดบ่อย ๆ เพื่อให้เท้ากลับสู่สภาพปกติ ซึ่งให้ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม
การป้องกันไม่ให้ลูกเท้าแบน
โรคเท้าแบน เป็นโรคที่ไม่ได้มีความอันตรายหรือร้ายแรงจนต้องกังวล เพราะเราสามารถป้องกันไม่ให้ลูกมีภาวะเท้าแบนได้ โดยการสังเกตเท้าลูกบ่อย ๆ หากพบว่ามีลักษณะเท้าที่ผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำจะได้ช่วยป้องกันอาการเท้าแบนไม่ให้เป็นเพิ่มมากขึ้น หรือเมื่อลูกอยู่ในวัยที่เหมาะสมอาจจะใช้แผ่นรองฝ่าเท้าช่วยปรับเท้าด้วยก็ได้ แต่ควรที่จะเปลี่ยนใหม่เรื่อย ๆ เมื่อลูกมีการเติบโตขึ้น พร้อมกับปรึกษาแพทย์บ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้ติดตามภาวะเท้าแบนของลูกว่าอยู่ในภาวะที่ปกติหรือไม่ ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่จึงไม่ต้องกังวลจนเกินไป เพราะโรคนี้ไม่ได้อันตรายหากได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ
บุคลิกภาพที่ดีของลูกถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลูกบ่อย ๆ และสม่ำเสมอ เพื่อจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของลูกว่าเป็นอย่างไร หรือหากพบว่ามีความผิดปกติก็จะได้สามารถปรึกษาแพทย์และรับการรักษาได้อย่างท่วงทัน ในส่วนของภาวะเท้าแบนนั้นในบางรายอาจจะเกิดขึ้นจากพันธุกรรม เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขและรักษาได้ แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่าคุณพ่อ คุณแม่จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของภาวะเท้าแบนเท้านั้น แต่รวมถึงเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย ลูกน้อยจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ตามวัยมากที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วคุณพ่อ คุณแม่ทุกคนจะต้องใส่ใจถึงความเปลี่ยนแปลงในวัยเด็กทุก ๆ ด้านด้วย
.
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. 5 โรคอันตรายในเด็ก ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง
2. โรคตุ่มน้ำพองใส โรคตุ่มน้ำในเด็ก โรคเรื้อรัง ที่พ่อแม่ต้องระวัง!!!
3. โรคเท้าปุก (Clubfoot) ความผิดปกติของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ป้องกันยาก
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
