เรื่องราวที่นำมาฝากกวันนี้ ถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.นครนายก เด็กป.6 ถูกครูทำโทษใช้ไม้ตีจนหัวแตก รายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันต่อในข่าวนี้เลยค่ะ
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมาเว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าเรื่องราว ของหลานสาวตัวเอง เป็นเด็กหญิง กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.6 ถูกครูลงโทษด้วยการใช้ไม้ตีหัวแตกเย็บ 3 เข็ม เพราะเดินไปลอกการบ้านเพื่อน ในโพสต์ระบุว่า “#ฝากแชร์หน่อยค่ะ เด็กคนนี้อยู่ ป.6 ครูที่โรงเรียนใช้ไม้ตีหัวแตกเย็บสามเข็ม ตีเพราะหลานเดินไปลอกการบ้านเพื่อน ครูคนนี้ทำกับเด็กที่โรงเรียนหลายคนแล้ว แต่ครั้งนี้หนักสุด จิตใจทำด้วยอะไรถามจริง อีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว หลานไปเย็บหัวเสร็จปั่นจักรยานกลับบ้านเองด้วย ความเป็นคนอยู่ที่ไหนอ่ะ ตอนกูเห็นหลานกูคือสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้กำลังจะไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โรงเรียนประถม อยู่ทางเข้า จปร. นครนายก มีการให้นักเรียนบอกกับหมอด้วยว่าล้มเอง#ล่าสุด ครูที่ตีโทรมาบอกออกมารับลูก เราก็บอกให้ออกมาโรงพัก ไม่มาจ้าบอกเข้าบ้านแล้ว ไม่พูดเรื่องที่ตีหัวหลานกูเลยนะ อัดคลิปเสียงไว้หมดจ้าครู”
ด้านเด็กหญิงป.6 เล่าว่า ครูให้เพื่อนหยิบไม้จากห้อง ป.5 มาตีจนหัวแตก จากนั้นไล่ไปล้างหน้า จึงเดินไปหาครูอีกคนทำแผลให้แต่เลือดไม่หยุดไหล จึงพาไปทำแผลที่โรงพยาบาลเย็บ 3 เข็ม ทางครูให้บอกหมอว่าสะดุดขาล้มเอง ล่าสุดครูได้โทรมาหา แต่ไม่พูดอะไร ก่อนหน้านี้เคยถูกครูคนนี้ตีหลายครั้ง เคยโดนไม้กลองตีจนหัวโน
ด้านแม่ของเด็กหญิงคนนี้ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยสอบถามครูที่ตี ทั้งนี้ตนต้องการคำขอโทษจากครู และอยากให้มารับผิดชอบต่อสภาพจิตใจของเด็ก เนื่องจากลูกสาวของตนนั้นเป็นเด็กพิเศษ สมาธิสั้น"ส่วนการทำโทษนั้นหนูเข้าใจเพราะลูกหนูดื้อ เขาก็ไม่ใช่เด็กปกติ จะลงโทษได้ ตีได้ อบรมสั่งสอนได้ แต่ไม่ใช่ตีแบบใช้อารมณ์ขนาดนี้ ลูกหนูต้องขี่จักรยานกลับมาบ้านเอง และนั่งร้องไห้จนรุ่นน้องที่แวะมาหาเห็น และโทรมาบอกถึงได้รู้ ซึ่งตอนเกิดเหตุทางโรงเรียนไม่ได้โทรมาบอก หรือแจ้งกับหนูเลย"
กรณีนี้เป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน ซึ่งก็มีเหตุเด็กถูกกระทำบ่อยครั้งทั้งด้านการกระทำอนาจาร หรือความรุนแรงอื่นๆ อย่างเคสนี้เด็ก ป.6 ถูกทำโทษเพียงเพราะลอกการบ้านเพื่อน สังคมต่างตั้งคำถามว่าจำเป็นต้องลงโทษหนักขนาดนี้ไหม หรือควรมีมาตรการลงโทษอย่างไรให้เหมาะกับเด็กวัยนี้ ถึงอย่างไรความรุนแรงไม่ว่าในรูปแแบบใดก็ไม่ควรให้เกิดขึ้น อาจเปลี่ยนเป็นการพูดคุยด้วยเหตุผลน่าจะดีที่สุด ด้วยความห่วงใยจาก Mamaexpert ด้านคุณครูคู่กรณีจะออกมารับผิดชอบหรือไม่อย่างไร รอติดตามกันต่อไปค่ะ
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
ขอบคุณภาพ/ข้อมูลจาก : ข่าวสด , ไทยรัฐ