คุณแม่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กยุคนี้มีพัฒนาการการเรียนรู้ที่รวดเร็วผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิตอล ซึ่งมักนำเสนอเนื้อหาด้วยภาพที่มีแสง และสีสันสดใส ใช้ภาพเคลื่อนไหวดึงดูดสายตาให้เด็กๆ อยากติดตาม สายตาของเด็กยุคนี้จึงต้องทำงานอย่างหนัก เคยชินกับการกวาดสายตาอย่างรวดเร็วในการอ่านข้อมูล หรือมองภาพเคลื่อนไหว ที่สำคัญดวงตาต้องเผชิญกับแสงสีจากหน้าจอสกรีนอยู่เป็นประจำ สมอง และสายตาของเด็กยุคนี้จึงต้องพร้อมทำงาน และจำเป็นต้องได้รับการปกป้องดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งตัวช่วยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การให้เด็กๆ ได้รับสารอาหารที่สามารถช่วยปกป้องดูแลสายตา และสมองได้นั่นเอง
ตลาดผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มยูเอชทีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสารอาหารให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์พฤติกรรมของเด็กๆ รวมทั้งความใส่ใจของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูก ดัชมิลล์ เจ็นไอ เป็นหนึ่งในนมพร้อมดื่มยูเอชทียุคใหม่ที่ชูจุดเด่นในเรื่องพัฒนาการด้านสายตา และสมอง ของเด็กยุคดิจิตอล เราจึงขอพาคุณแม่มา “ส่อง” สารอาหารใน ดัชมิลล์ เจ็นไอ ว่ามีดีให้ประโยชน์ครบถ้วนสำหรับเด็กยุคดิจิตอลจริงหรือไม่
สารอาหารครบถ้วน ตอบโจทย์ความต้องการเด็ก (ยุคดิจิตอล)?
แน่นอนว่าการเลือกนมสำหรับลูกนั้น การพิจารณาสารอาหารเพียงตัวใดตัวหนึ่งไม่อาจตอบโจทย์ความต้องการด้านโภชนาการของเด็กๆ ได้ครบถ้วน นมที่ดีจึงควรมีสารอาหารหลากหลายในปริมาณที่มากพอ โดยเฉพาะกลุ่มสารอาหารพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ซึ่ง ดัชมิลล์ เจ็นไอ มีสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณสูงติดอันดับต้นๆ เกือบทุกตัวเมื่อเปรียบเทียบกับนมอื่นๆ เช่น มีแคลเซียม (35%RDI)* เหล็ก (35%RDI)* วิตามินเอ (25%RDI)* วิตามินดี (45%RDI)* วิตามินซี (35%RDI)* ฟอสฟอรัส (20%RDI)* และสังกะสี (15%RDI)* เป็นต้น ซึ่งสารอาหาร 5 ตัวแรกที่กล่าวมายังเป็นสารอาหารที่เด็กไทยส่วนใหญ่ได้รับไม่เพียงพอจากการรับประทานอาหารมื้อหลักอีกด้วย
ในส่วนของกลุ่มสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์พฤติกรรมของเด็กยุคดิจิตอล ซึ่งก็คือ สารอาหารกลุ่มที่ช่วยเรื่องการมองเห็น และบำรุงระบบประสาท และสมอง อย่าง วิตามินเอ ผงกีวีสกัด (ลูทีนธรรมชาติ) โอเมก้า 3,6,9 และวิตามินบี 12 เป็นต้น นอกจากนั้นยังคงให้ความสำคัญกับสารอาหารพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต ในราคาที่คุ้มค่า และรสชาติที่เด็กๆ ชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นรสจืดหรือรสช็อคโกแลต
ลูทีนเปรียบเสมือนอัศวินผู้พิทักษ์ดวงตาให้กับเด็กๆ ทำหน้าที่เสมือนแว่นตากันแดดตามธรรมชาติ ที่ช่วยปกป้องจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำร้ายจากแสงสีฟ้าที่มาจากแสงแดด และหน้าจอสกรีน ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม และต้อกระจก นอกจากนี้ยังช่วยในการส่งสัญญาณระหว่างดวงตากับสมอง ทำให้กระบวนการการมองเห็นรวดเร็ว และชัดเจน ซึ่งจัดเป็นจุดเด่นของดัชมิลล์ เจ็นไอส่วนสารอาหารเพื่อสมอง และดวงตาอย่างโอเมก้า 3 ก็มีให้ในปริมาณสูงที่สุดถึง 150 มก.* นอกจากนี้ ยังมีวิตามินเอ สูง (25%RDI)* ที่ช่วยในการมองเห็น และมีวิตามินบี 12 สูง (30%RDI)* ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท และสมอง
ไม่ใช่แค่สารอาหาร แต่เด็กยุคดิจิตอลต้องรู้จักใช้จออย่างเหมาะสม
นอกจากการกินอาหารที่จะช่วยให้ตาดี สมองไบรท์กันแล้ว ก็ต้องมีเทคนิคพิเศษ ที่จะช่วยลดโทษจากแสงสีฟ้า และเพิ่มประโยชน์จากการเรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ อย่างเหมาะสมอีกด้วย
เทคนิคการตั้งค่าหน้าจอ ให้เหมาะกับสายตาเด็ก
- ตั้งจอคอมพิวเตอร์ หรือใช้แท็บเล็ตในที่ที่มีแสงสว่างธรรมชาติเพียงพอ และต้องไม่มีแสงสะท้อนบนหน้าจอ จะช่วยให้เด็กๆ ไม่ต้องเปิดแสงสว่างจากหน้าจอมาก ก็จะช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายจากดวงตาได้ค่ะ
- เพิ่มอุณหภูมิสีจอ ช่วยลดคลื่นแสงสีฟ้าได้ เดี๋ยวนี้คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตว่าสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตจะมีโหมดที่ทำให้จอมีสีออกเหลืองๆ ส้มๆ ซึ่งเป็นสีที่โทนอุ่นที่ช่วยให้การอ่านผ่านหน้าจอต่างๆ สบายตามากขึ้น และยังช่วยลดการปล่อยแสงสีฟ้าได้ด้วย
เล่นอย่างเหมาะสม
- คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูก นอกจากจะเป็นการสอดส่องสื่อที่ลูกใช้ไปในตัว การที่มีผู้ใหญ่มาร่วมเล่นเกมจะช่วยเพิ่มการตอบโต้ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้ละสายตาจากการมองจอได้นั้นเอง
- พักโลกดิจิตอล แล้วออกไปสนุกกับโลกจริงนอกบ้าน การที่ลูกได้ออกไปเห็นสิ่งต่างๆ นอกจอจะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ และทำให้เด็กเกิดการปรับใช้สิ่งต่างๆ ที่เขาเรียนรู้จากเกม หรือแอปที่เล่น ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ต่อยอดได้อีกด้วย
- เด็กและผู้ใหญ่ ไม่ควรอยู่กับจอภาพนานเกิน 2 ชั่วโมง และควรพักสายตาทุกๆ 20 นาที รวมทั้งควรขยับตัวสลับไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อต้นคอ ช่วยคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตาจากการจ้องมอง และลดอาการปวดมึนหัวจากการเพ่งมองจอภาพนานๆ ได้ค่ะ
เพียงแค่คุณพ่อ และคุณแม่ ฝึกให้ลูกรู้จักใช้สื่อดิจิตอลอย่างเหมาะสม และเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยดูแลด้านการมองเห็นของเด็กๆ เพียงเท่านี้ ก็ให้เด็กๆ สนุกกับการใช้เรียนรู้ผ่านจอภาพกันได้แบบหมดห่วงแล้วค่ะ
หมายเหตุ :
- %RDI คือร้อยละของปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปี ขึ้นไป
- * ปริมาณของขนาด 180 มล.