ตรวจหลังคลอด..เรื่องจำเป็นที่แม่ทุกคนต้องรู้

27 November 2017
30944 view

ตรวจหลังคลอด

เมื่อคลอดลูกแล้ว คุณแม่คงวุ่นกับการเลี้ยงลูกจนอาจจะลืมนึกถึงการดูแลสุขภาพของคุณแม่หลังคลอด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ตามมา เช่น ปัญหาในเรื่องความดัน การขับถ่าย แผลฝีเย็บ เป็นต้น คุณแม่จึงไม่ควรละเลยในเรื่องของการไปพบคุณหมอตามนัด เพื่อตรวจสุขภาพหลังคลอดทุกครั้ง Mama Expert จึงนำความรู้เรื่องการตรวจหลังคลอดมาฝากคุณแม่ มาดูกันเลยค่ะว่าตรวจหลังคลอดจำเป็นและสำคัญกับคุณแม่ที่คลอดลูกแล้วแค่ไหน..

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

ตรวจหลังคลอดสำคัญอย่างไร

หลังจากที่คุณแม่ทุกคนผ่านการตั้งครรภ์และผ่านการคลอดลูกมาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จะต้องดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีและแข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเจ้าตัวน้อยที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกต่อไป หนึ่งเดือนหลังจากที่คุณแม่คลอดเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณแม่นั้นจะต้องทำการตรวจสุขภาพหลังคลอด เพื่อเป็นการเช็คสภาพร่างกายของคุณแม่นั่นเองค่ะ

ทำไมต้องตรวจหลังคลอด

มีคุณแม่หลายท่าน ที่สงสัยว่าทำไมต้องตรวจหลังคลอด เมื่อคลอดแล้ว สุขภาพร่างกายของแม่คลอดก็ปกติทุกอย่าง... Mama Expert ขอแนะนำว่า การตรวจหลังคลอดสำหรับคุณแม่นั้นมีความจำเป็นมากค่ะ เพราะว่าคุณหมอจะตรวจเช็คทุกอย่างในร่างกายของคุณแม่อย่างละเอียด ว่ามีภาวะแทรกซ้อนอะไรหรือไม่หลังจากคลอด เพราะว่าคุณแม่หลังคลอดที่แผลยังไม่หายดีจะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ระบบภายในของคุณแม่จะต้องกลับมาเป็นปกติและเหมือนเดิม คุณแม่จึงต้องมีการตรวจหลังคลอดค่ะ

ตรวจหลังคลอด ต้องตรวจอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว สูติแพทย์จะนัดคุณแม่เพื่อตรวจหลังคลอดเมื่อครบ 6 สัปดาห์แล้ว (หรือ 4 สัปดาห์หลังคลอด หากมีปัญหาในระหว่างคลอด) ซึ่งจะเป็นการตรวจภายในหลังคลอด เช็กความแข็งแรงของร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ กลับสู่สภาพปกติหรือยัง รวมถึงตรวจเพิ่มเติมในกรณีที่มีภาวะอื่น ๆ แทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์

1. ตรวจร่างกายทั่วไปหลังคลอด

  • ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน : เป็นสิ่งแรกที่ต้องตรวจ ซึ่งปกติแล้วหลังคลอด 6 สัปดาห์ น้ำหนักคุณแม่ควรลดลงประมาณ 5-10 กิโลกรัม หรือมีน้ำหนักมากกว่าก่อนตั้งครรภ์ 2-3 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์) ส่วนความดันเลือดควรอยู่ในระดับปกติ 80/120 มิลลิเมตรปรอท หากน้ำหนักและความดันเลือดยังสูงอยู่ อาจต้องควบคุมอาหารให้เหมาะสมและบริหารร่างกายด้วย
  • ตรวจเต้านม : เพื่อ ดูว่าเต้านมมีความผิดปกติหรือไม่ โดยการคลำที่หน้าอกเพื่อตรวจมะเร็งเต้านมหรือก้อนน้ำเหลือง ซึ่งคุณแม่อาจจะคลำด้วยตัวเองจากที่บ้านก่อนได้ หากพบก้อนเล็ก ๆ เต้านมแข็ง มีอาการปวด ก็ขอคำแนะนำจากคุณหมอได้
  • ตรวจหน้าท้อง : เพื่อดูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง และดูว่าผนังหน้าท้องยังหย่อนอยู่หรือไม่ ซึ่งหลังคลอด 1 เดือนก็สามารถบริหารหน้าท้องเพิ่มความแข็งแรง และกล้ามเนื้อหน้าท้องได้แล้ว หากไม่ได้ออกกำลังกายหลังคลอดก็จะทำให้หน้าท้องยังหย่อนและป่อง ส่วนคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดก็ต้องตรวจแผลผ่าตัดว่าหายดีหรือยังด้วย
  • อาการไข้และการขับถ่าย : ใน ระยะแรกหลังคลอด หากมีอาการไข้สูง แผลอักเสบ เป็นหวัด หรือปวดท้องควรรีบบอกคุณหมอทันที เพราะอาจมีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ นอกจากนี้อาจมีปัญหาเรื่องท้องผูก ทำให้ถ่ายลำบากและเจ็บแผลคลอด จึงควรกินอาหารที่เส้นใยสูง ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่ม ไม่ต้องเบ่งนานและป้องกันแผลปริแตก หากท้องผูกมาก คุณหมออาจให้กินยาถ่ายด้วย (งดให้นมลูกระหว่างใช้ยาทุกชนิด)

2. ตรวจภายในหลังคลอด

หลังคลอดแล้ว 6 สัปดาห์ คุณแม่จำเป็นต้องตรวจภายในเพื่อดูว่าแผลฝีเย็บหายดีหรือยัง การปิดของปากมดลูก (ในกรณีคลอดเอง) และตรวจดูแผลผ่าตัดทางหน้าท้องว่ามีการปริแตกไหม รวมถึงการอักเสบบริเวณช่องคลอด และตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วย

  • มดลูกเข้าอู่ : เนื่อง จากในช่วงตั้งครรภ์มดลูกจะขยายตัวขึ้นมาก หลังจากคลอดจึงต้องตรวจว่ามดลูกหดตัวแล้วหรือยัง ส่วนใหญ่มดลูกจะเข้าคู่ในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอด มีขนาดปกติเท่ากับก่อนตั้งครรภ์ และอยู่ในตำแหน่งเดิมภายในอุ้งเชิงกราน เมื่อไปตรวจคุณหมอจะใช้นิ้วสอดเข้าไปภายในช่องคลอด และใช้อีกมือคลำบริเวณหน้าท้อง หากคลำพบก้อนที่หน้าท้องแสดงว่ามดลูกเข้าอู่ช้า ซึ่งถ้าอยากให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น ก็ควรให้ลูกดูดนมแม่จะช่วยได้ค่ะ
  • แผลคลอด : โดยปกติแล้วแผลคลอดไม่ว่าจะเป็นคลอดเองหรือการผ่าคลอดมักจะหายภายใน 1 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งอาการปวดแผลหลังคลอดจะปวดประมาณ 3-4 วัน หรืออย่างมาก 1 อาทิตย์ และจะค่อย ๆ ทุเลาลง หากปวดมากสามารถกินยาแก้ปวดลดอาการได้ หากมีอาการปวดแผลฝีเย็บมาก มีอาการบวมแดง กดแล้วเจ็บอาจเป็นเพราะฝีเย็บอักเสบควรรีบพบคุณหมอทันที ส่วนแผลผ่าตัดคลอดจะติดสนิทภายใน 1 สัปดาห์ ไม่มีการบวมหรือเลือดไหลซึมออกจากแผล แต่จะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนกว่าแผลจะหายดี จึงต้องหมั่นดูแลความสะอาดไม่ให้เกิดการติดเชื้อ
  • ดูแลแผลคลอด : ทำความสะอาดแผลทุกวัน วันละ 1-2 ครั้งด้วยสบู่ หรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออย่างอ่อนล้างกับน้ำสะอาด จากด้านหน้าไปด้านหลัง เพราะการล้างจากก้นมาด้านหน้า จะนำเชื้อโรคจากทวารหนักมาสู่แผลและช่องคลอด หากเจ็บปวดหรือแผลอักเสบมาก อาจแช่ด้วย น้ำอุ่น 1 ลิตรผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ 1 ช้อนโต๊ะ แช่นานประมาณ 10-15 นาที เพื่อให้รู้สึกสบายขึ้นและเลือดไหลเวียนดีขึ้น จะช่วยให้แผลหายเร็ว
  • น้ำคาวปลา : หลังคลอด 3-4 วันแรก น้ำคาวปลาจะออกมาเป็นเลือดสด หลังจากนี้อีก 10-14 วันเป็นน้ำปนเลือด สีน้ำตาลดำ แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นน้ำสีขาวออกเหลืองจนหมด (ภายใน 4 สัปดาห์) ในช่วงที่น้ำตาวปลายังไม่หมดนั้น ห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอดในช่องคลอด และถ้าน้ำคาวปลาออกมาเป็นสีผิดปกติหรือยังเป็นเลือดอยู่ก็อาจมาจาก 2 สาเหตุคือ มีเศษรกค้างอยู่หรืออาจมีการอักเสบติดเชื้อของโพรงมดลูก จึงควรรีบแจ้งให้คุณหมอทราบ
  • มะเร็งปากมดลูก : โดยปกติผู้หญิงควรตรวจมะเร็งปากมดลูกทุกปีอยู่แล้ว ซึ่งในการตรวจหลังคลอด คุณหมอจะตรวจมะเร็งปากมดลูกให้ด้วย และตรวจว่าถุงน้ำที่รังไข่ ปีกมดลูกทั้งสองข้างหรือที่มดลูกมีก้อนเนื้องอกผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ อาจตรวจไม่พบเพราะมดลูกขยายขนาดใหญ่จนกลบเนื้องอก แต่เมื่อมดลูกเป็นปกติแล้วก็สามารถตรวจพบได้

3. ตรวจอาการผิดปกติหลังคลอด

นอกจากที่คุณแม่จะได้ตรวจร่างกายคลังคลอดและตรวจภายในหลังคลอดแล้ว คุณหมอจะตรวจโรคที่เป็นในระหว่างตั้งครรภ์ว่าหายเป็นปกติหรือยัง เพราะบางโรคจะเป็นเฉพาะตอนที่ตั้งครรภ์ และหลังคลอดร่างกายจะกลับเข้าสู่สภาพปกติ รวมถึงโรคประจำตัวอื่นที่มีอยู่ก่อนตั้งแต่ตั้งครรภ์ เช่น โรคปอด โรคหัวใจ คุณหมอก็จะตรวจดูอาการของโรคให้เช่นกันค่ะ

  • เบาหวาน : อาการเบาหวานที่พบในช่วงตั้งครรภ์จะพบ 2 กรณีคือที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว หรือเพิ่งเป็นเบาหวานเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์มักจะพบในคุณแม่ที่อ้วนมาก น้ำหนักขึ้นเร็ว มีไขมันมาก จึงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นด้วย แต่เมื่อคลอดลูกแล้วระดับน้ำตาลในเลือดจะกลับเข้าสู่ระดับปกติ และเบาหวานจะหายไป คุณหมอจะเช็คระดับน้ำตาลในเลือดว่าลงมาอยู่ในระดับปกติต่ำกว่า 140 มิลลิกรัมต่อ 100 ซี.ซี. หรือยัง หากระดับน้ำตาลยังไม่ลงมาอยู่ในระดับนี้ ก็อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นเบาหวาน

ก่อน ตรวจเบาหวาน ควรกินอาหารที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ และในวันนัดตรวจก็ต้องงดอาหาร ในการตรวจคุณหมอจะเจาะเลือดมาตรวจระดับน้ำตาล 4 ครั้ง หากงดอาหารมาก่อนก็สามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือดได้เลย แต่หากไม่ได้งดมาคุณหมอก็จะนัดมาตรวจทีหลังค่ะ

  • ครรภ์เป็นพิษ : อาการครรภ์เป็นพิษมักเกิดในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ คือมีความดันโลหิตสูง มีไข่ขาวในปัสสาวะ บวม ซึ่งจะหายไปภายใน 2-4 สัปดาห์หลังคลอด (ตามความรุนแรงของอาการ) ดังนั้นหากมีอาการครรภ์เป็นพิษในระหว่างตั้งครรภ์ ในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอดแล้ว คุณหมอจะนัดตรวจ เพื่อดูความดันโลหิตว่ายังสูงอยู่และมีไข่ขาวในปัสสาวะหรือไม่ รวมถึงเป็นการทำงานของไต เพราะภาวะครรภ์เป็นพิษจะทำให้ไตทำงานได้ไม่ดี ปล่อยให้ไข่ขาวหลุดมาในปัสสาวะได้ และถ้าตรวจพบว่ายังมีไข่ขาวอยู่ในปัสสาวะหลังคลอดแล้ว แสดงว่าอาจมีโรคไตแทรกอยู่ จึงไม่ควรละเลยการตรวจหลังคลอดค่ะ
  • ริดสีดวงทวาร : ส่วนใหญ่อาการริดสีดวงทวารมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอดแล้ว แต่หากเป็น ๆ หาย ๆ อาจต้องใช้การผ่าตัดรักษา ดังนั้น หลังคลอด จึงควรฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่ต้องกลัวว่าการถ่ายจะทำให้แผลเย็บฉีกขาด ทำความสะอาดอวัยวะเพศและทวารหนักให้สะอาด เน้นกินอาหารที่มีกากใยและการเดินบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น หากมีอาการเจ็บปวดแผลสามารถประคบด้วยถุงน้ำแข็ง หรือนั่งแช่น้ำอุ่นประมาณ 10-15 นาที ทำวันละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ครีม, ยาเหน็บตามแพทย์สั่ง

อาการหลังคลอด...ต้องพบแพทย์ทันที

  • มีเลือดออกทางช่องคลอด ภายใน 1 ชั่วโมง ชุ่มผ้าอนามัย 1 อัน และเลือดที่ออกมาเป็นก้อน
  • ปวดหัวมาก หนาวสั่น หรือมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • ปวดท้องมาก ปวดท้องบิด โดยไม่ได้มีสาเหตุจากอาหารที่กิน
  • ระดูขาวมีกลิ่นเหม็น และน้ำคาวปลามีสีแดงตลอดภายใน 15 วันหลังคลอด
  • เจ็บหรือแสบขัดเวลาถ่ายปัสสาวะ
  • มีหนอง หรือเลือดไหลจากแผลฝีเย็บ หรือแผลฝีเย็บบวมแดงมากขึ้นจนปวดถ่วงถึงทวารหนัก
  • มีก้อนที่เต้านมหรือเต้านมบวมแดง

ก่อนการนัดตรวจหลังคลอด คุณแม่ควรหมั่นใส่ใจดูแลร่างกายของตัวเองอยู่เสมอ และหากคุณแม่มีอาการผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหรือภายใน 12 ชั่วโมงค่ะ

หลังคลอด คุณแม่อาจจะมีอาการต่างๆมากมายเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือว่าอารมณ์ เกิดความเครียดได้ทุกเมื่อ การตรวจหลังคลอดก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เปิดโอกาสให้คุณแม่มือใหม่ ได้มีโอกาสปรึกษาหมอและระบายความเครียดและปัญหาที่เกิดขึ้นหลังคลอดได้เช่นกันค่ะ Mama Expert สนับสนุนให้คุณแม่หลังคลอดเข้ารับการตรวจสุขภาพหลังคลอดอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่ค่ะ

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

1.การดูแลตัวเองหลังคลอดธรรมชาติให้ฟื้นตัวเร็ว

2.อาการผิดปกติของแม่หลังคลอดที่ต้องรีบพบแพทย์

3.บำรุงร่างกายหลังคลอดด้วยผักพื้นบ้านไทย

เรียบเรียงโดย :  Mamaexpert Editorial Team 

อ้างอิง

1.August 12,(2017).หลังคลอด6สัปดาห์แรก.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/eL9eSx .[ค้นคว้าเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2560]

2.Babycenter.Your six-week postpartum checkup.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/LSZw6P.[ค้นคว้าเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2560]