องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำเกี่ยวกับการให้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เรียงตามลำดับดังนี้
1. ให้ทารกกินนมจากอกแม่ของตนเอง
2. ให้ทารกกินนมแม่ของตนเองที่บีบหรือปั๊มออกมา (โดยใช้ขวดหรือป้อนด้วยช้อนหรือถ้วย)
3. ให้ทารกกินนมจากแม่คนอื่น (ในต่างประเทศมีการรับบริจาคน้ำนมผ่านธนาคารน้ำนม)
4. ให้ทารกกินนมผสม
จากสามทางเลือกแรกที่องค์การอนามัยโลกแนะนำไว้ สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “น้ำนมมนุษย์ คือ อาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมนุษย์” สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแต่ละชนิดผลิตน้ำนมที่มีสารอาหารและแร่ธาตุแตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกอย่างเหมาะสม น้ำนมวัวมีโปรตีนสูงกว่าน้ำนมคน เพราะลูกวัวจำเป็นต้องโตอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอดในท้องทุ่ง น้ำนมปลาวาฬมีไขมันสูง เพราะลูกปลาวาฬต้องการชั้นไขมันเพื่อสร้างความอบอุ่นเวลาอยู่ในน้ำทะเลที่เย็นทารกแรกเกิดมีขนาดศีรษะเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของร่างกายทั้งหมด แสดงว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ คือ สมอง น้ำนมคนจึงมีแลคโตสและกรดไขมันพิเศษเพื่อพัฒนาสมอง พัฒนาการของทารกเริ่มต้นจากการสัมผัส, ได้ยิน, มองเห็น, และจดจำ ไปพร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทารกต้องใช้เวลาเกือบ 1 ปีกว่าจะสามารถยืนและเดินได้ พัฒนาการเหล่านี้ต้องอาศัยส่วนสำคัญที่สุดคือสมอง สมองของมนุษย์จะเจริญเติบโตเต็มที่ภายใน 3 ปีแรกของชีวิต และสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการสมองมากที่สุดก็อยู่ในน้ำนมแม่นั่นเองการให้ทารกกินนมผสมที่ทำจากน้ำนมของสัตว์อื่นหรือวัตถุดิบชนิดอื่น เป็นการให้อาหารที่ผิดจากความต้องการตามธรรมชาติของมนุษย์โดยสิ้นเชิง