เช็คให้ดี!ลูกน้อยมีพัฒนาการเท่าเพื่อนวัยเดียวกันหรือไม่?

29 August 2017
40411 view

ปรารถนาแรกของ คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคือ อยากเห็นลูกเกิดมาสมบูรณ์ แข็งแรง มีพัฒนาการที่ปกติ สมวัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ พันธุกรรม โภชนาการ และการเลี้ยงดู ซึ่งวันนี้ mamaexpert ชวนคุณพ่อคุณแม่มาเรียนรู้!!! เช็ค!!! และติดตามพัฒนาการลูกในทุกด้านโดยเฉพาะช่วง 5 ปีแรกของชีวิต นับเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ เพราะการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในช่วงวัยนี้ เป็นตัวกำหนดอนาคตของลูกเลยก็ว่าได้

พัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา มีรายละเอียด ดังนี้

1. พัฒนาการทางด้านร่างกาย โครงร่างของลูกวัยเด็ก

พัฒนาการทางด้านร่างกาย โครงร่าง สามารถสังเกตได้ง่าย โดยติดตามการเจริญเติบโตของลูกน้อยเทียบจากกราฟการเจริญเติบโต หากไม่เป็นไปตามเกณฑ์ ควรทบทวนเรื่องสารอาหาร ดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารบำรุงร่างกายที่สำคัญ เช่น แคลเซียมและวิตามินดี และกระตุ้นให้ลูกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้ออาหาร
การเจริญเติบโตของลูกวัยอนุบาลนี้ ลูกจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ทรงตัวได้ดี วิ่งกระโดดได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ขึ้นลงบันไดได้เอง รวมไปถึงสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ด้วยตัวเอง คุณแม่ควรสังเกตดูว่าลูกเราสามารถทำกิจกรรมเหมือนเพื่อนวัยเดียวกันได้หรือไม่ ซึ่งคุณแม่ก็ควรส่งเสริมและฝึกฝนลูกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

2. พัฒนาการทางอารมณ์ของลูกวัยเด็ก

วัยเด็กมีอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนและแตกต่างแบ่งตามช่วงอายุได้ดังนี้

  • ช่วงอายุ 3 – 4 ปี เด็กจะมีความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะเวลาสั้นๆ เอาแต่ใจตนเอง เริ่มสร้างจินตนาการ เด็กวัยนี้บางครั้งจะมีอารมณ์หวาดกลัวจากจินตนาการ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความรัก ความอบอุ่นและความใกล้ชิดกับลูกให้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยให้ลูก มีความมั่นคงในอารมณ์มากขึ้น ข้อสังเกตความผิดปกติทางพัฒนาการทางสังคมได้แก่ เด็กไม่ค่อยเข้ากลุ่มกับเพื่อน มักจะกลัวการพบปะกับผู้คนใหม่ๆ และชอบเล่นคนเดียว ไม่กล้าสบตาคน เป็นต้น
  • ช่วงอายุ 4-5 ปี เด็กจะมีเหตุผลมากขึ้น แต่ความเกรี้ยวกราดจะยังคงมีอยู่ โมโหง่าย ขี้วีน อ่อนไหวต่อคำตำหนิ และคำชม ช่วงวัยนี้คุณแม่คุณพ่อควรคอยช่วยเหลือ ร่วมแก้ไขปัญหาของลูก และคอยให้คำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตพบว่าลูกมีการแสดงออกทางอารมณ์ไม่เหมาะสมกับวัย เช่น แสดงออกด้วยอารมณ์โกรธ โมโหอย่างรุนแรง พร้อมกับพูดคำหยาบคายและขว้างปาข้าวของ ก็ควรหาทางแก้ปัญหาโดยการให้คำแนะนำ หรือ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาต่อไป

3. พัฒนาการทางด้านสังคมของลูกวัยเด็ก

เด็กวัย 3 - 4 ปี เป็นวัยที่เริ่มเข้าโรงเรียนอนุบาล เริ่มมีสังคมของเขาเอง รู้จักเพื่อนๆ มากขึ้น ธรรมชาติเด็กวัยนี้จะยังไม่ชอบเล่นกับเพื่อนมากนัก ถึงแม้จะนั่งเล่นเป็นกลุ่ม แต่เด็กจะเล่นแบบต่างคนต่างเล่น เมื่ออายุ 4-5 ปีเด็กจะเข้ากับเพื่อนได้ดีมากขึ้น อาจะมีการโต้แย้งกันบ้าง แต่ก็สามารถจัดการข้อโต้แย้งได้ด้วยตัวเขาเอง คุณพ่อคุณแม่ควรแนะนำอยู่ห่างๆ หากลูกแก้ไขปัญหาไม่เหมาะสม
เด็กบางคนมีภาวะขี้อายมากจนเกินไป ไม่สามารถเข้ากับเพื่อนๆ ได้ หรืออาจจะมีโลกส่วนตัวไม่สุงสิงกับใคร อาจเนื่องมาจากการพัฒนาของสมองส่วนหน้ายังไม่สมบูรณ์ จึงส่งผลต่อการเข้าสังคมของเด็กได้ หากพบว่าเด็กมีปัญหาดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปแนะนำกับเพื่อนๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปและสร้างความมั่นให้ให้กับลูก

4. พัฒนาการทางด้านสติปัญญาของลูกวัยเด็ก

พัฒนาการทางด้านสติปัญญา เชื่อมต่อโดยตรงกับ พัฒนาการทางสมอง ซึ่งสมองเป็นอวัยวะที่สำคัญในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ สมองมีการทำงานที่ซับซ้อนมาก สามารถแบ่งหน้าที่ได้เป็น 2 ซีก ซีกซ้ายทำหน้าที่ การเรียนรู้ภาษา การคำนวน หลักเหตุผล ความเข้าใจ และซีกขวา ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การเรียนรู้ในแง่ภาพรวม และความรู้สึก ศิลปะ ดนตรี

พัฒนาการด้านสติปัญญาในเด็กก่อนวัยเรียน จะเน้นในเรื่องของการเรียนรู้เป็นหลัก ซึ่งเด็กในวัยนี้จะเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็น มีกระบวนการคิด และจดจำมากขึ้น รวมถึงสามารถเรียนรู้ในคำศัพท์และภาษาได้ดีขึ้นมาก โดยการเรียนรู้อันรวดเร็วนี้ พ่อแม่สามารถสังเกตได้เช่น การจดจำลูกจะสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดีมากโดยเฉพาะคำศัพท์ ตัวเลข และมักจะถามในสิ่งที่สงสัยหรืออยากรู้เสมอ ซึ่งหากสังเกตได้ว่าลูกมีความสนใจสิ่งรอบข้างน้อยมาก ไม่ค่อยพูดคุยหรือไม่สามารถท่องจำคำศัพท์ได้ ก็ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อหาวิธีการแก้ปัญหาทันที

ช่วงวัยเด็กสิ่งที่มีความสำคัญในการพัฒนาด้านสติปัญญา คือการฝึกฝน และกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 7 ของเด็กให้ทำงานเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลต่อสมองที่จะพัฒนาเครือข่ายใยประสาทต่อไป ประสาทสัมผัสทั้ง 7 ประกอบ ด้วย 1. การสัมผัส 2.การมองเห็น 3. การได้ยิน 4. การดมกลิ่น 5. การลิ้มรสชาติ 6. การเคลื่อนไหว 7. การทรงตัว หากได้รับการกระตุ้นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการให้เด็กได้รับ โภชนาการที่ดี ก็จะส่งผลให้สมองเด็กมีพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีตาม WHO ได้มีการกำหนด 10 สารอาหารสำคัญที่เด็กควรจะได้รับอย่างเพียงพอ ได้แก่ แคลเซียม วิตามินเอ สังกะสี วิตามินอี โปรแตสเซียม วิตามินซี แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินดี และ กรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3 6 9 ซึ่งสำคัญมากต่อระบบประสาทและการทำงานสมอง ซึ่งสารอาหารสำคัญเหล่านี้ สามารถหาได้ ในนมโคที่เราดื่มนั้นเอง เพราะฉะนั้น จึงควรแนะนำให้ลูกดื่มนมเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่า เด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพราะนอกจากสารอาหารข้างต้นแล้ว นมยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาหารที่ให้คุณค่าสารอาหารครบถ้วน ทั้ง 5 หมู่ และมีกรดอะมิโนจำเป็นถึง 9 ชนิด ที่ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทั้งทางสมอง และร่างกายที่สมบูรณ์อีกด้วย

โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 มีกรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://goo.gl/HyDTUV