การตรวจการได้ยินของทารก ต้องตรวจเมื่อไหร่ แม่ต้องรู้!!!

09 July 2012
5116 view

การตรวจการได้ยินของทารก

การตรวจการได้ยินของทารกคัดกรองได้ก่อนออกจากโรงพยาบาล  ส่วนใหญ่จะอยู่ในแพ็คเก็จคลอดโรงพยาบาลเอกชน สมัยก่อน แพทย์จะตรวจการได้ยินเฉพาะ กรณีรายที่มีความเสี่ยงเท่านั้น เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายแต่ในปัจจุบันพบว่า ในโรงพยาบาลชั้นนำของเมืองไทย ตรวจให้กับเด็กแรกเกิดทุกรายแม้ไม่มีภาวะเสี่ยง

การตรวจการได้ยินของทารกจำเป็นต้องตรวจทุกคนหรือไม่?

การตรวจการได้ยินของทารก จะมีการตรวจในเฉพาะเด็กทารกที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่

  1. ประวัติครอบครัวที่มีการได้ยินบกพร่องแต่กำเนิด
  2. การติดเชื้อตั้งแต่ในครรภ์
  3. มีความผิดปกติของศีรษะและใบหน้าโดนเฉพาะการผิดรูปของใบหูและช่องหู
  4. กลุ่มอาการผิดปกติแต่กำเนิดที่มีการได้ยินบกพร่องร่วมด้วย
  5. มีความเจ็บป่วยต้องได้รับการรักษาในห้องบริบาลทารกแรกเกิดทารกแรกเกิด (NICU) เกินกว่า 48 ชม.

อย่างไรก็ดีแม้ทารกจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็อาจพบภาวะการได้ยินบกพร่องได้ เพราะฉะนั้นเด็กทารกทุกราย ควรได้รับการตรวจสุขภาพรวมถึงการได้ยิน ก่อนออกจากโรงพยาบาล

การตรวจการได้ยินของทารกมีขั้นตอนอย่างไร

การตรวจการได้ยินของทารก จะเริ่มจากการใช้เครื่องตรวจการได้ยินเฉพาะเด็กแรกเกิด โดยตรวจในเด็กอายุ 2 วัน - 6 เดือน เครื่องมือนี้จะเหมาะสำหรับการตรวจทารกในวัยนี้ จะตรวจในห้องเงียบทารกนอนหลับจะตรวจได้ดี ผลการตรวจจะอ่านว่า ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน ของหูทั้ง 2 ข้าง ถ้าอ่านผลว่าไม่ผ่าน ควรปรึกษาแพทย์ทางด้าน หู คอและจมูก การได้ยินที่ผิดปกติอาจเกิดจากปัจจัยอื่นได้ เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบทำให้เยื่อแก้วหูทะลุ เป็นต้นดังนั้น การที่ตรวจว่าผ่านหมายถึงเด็กไม่มีความผิดปกติที่มีตั้งแต่แรกเกิด แต่ความผิดปกติที่เกิดทีหลังสามารถเกิดได้

เมื่อคุณแม่สงสัยว่าเด็กมีการได้ยินผิดปกติหรือมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาการได้ยินดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรพาเด็กไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ทันที เพื่อตรวจเช็คและทำการรักษาค่ะ 

บทความแนะนำเพิ่มเติม

1. สุขภาพทารกแรกเกิดและลักษณะทั่วไปที่คุณแม่ควรสังเกต!!!

2. วัคซีนทารกแรกเกิด ที่จำเป็นต้องฉีดทันทีหลังคลอด

3. ตรวจเลือดทารกแรกเกิดเพื่อคัดกรองโรคเอ๋อ

เรียบเรียงโดย : พว.นฤมล   เปรมปราโมทย์