ขณะที่แม่และญาติสนิทจะเดินทางมายังจุดฝังศพเพื่อทำพิธีทางศาสนา เชิญดวงวิญญาณของน.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง กลับสู่บ้านเกิด จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม ซึ่งปรากฏว่าผู้ที่รับสายโทรศัพท์คือ นางสมคิด พลข่า อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นน้าสาวของ น.ส.สุภัคสรณ์ ผู้ตาย
โดยนางสมคิด เล่าผ่านทางโทรศัพท์ให้ฟังว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนพร้อมด้วยแม่ และยายรวมทั้งญาติสนิทของ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง ได้เดินทางมายังจุดที่กลุ่มคนร้ายนำร่างของ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง หลานสาวมาฝัง โดยนิมนต์พระสงฆ์ 1 รูปมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยมาถึงจุดฝังศพตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 น.เมื่อทุกคนเห็นหลุมฝังศพต่างก็รู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนางสมพิศ ตรัยจันทร์แดง อายุ 46 ปี ผู้เป็นแม่ถึงกับเข่าอ่อนพูดอะไรไม่ออก
และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อขณะกำลังทำพิธีอยู่นั้น ปรากฏว่าอยู่ๆ นางสมพิศ ก็เกิดอาการขึงขังมีเรี่ยวมีแรงอย่างไม่น่าเชื่อ โดยได้พูดจาออกมาด้วยความเคียดแค้นกลุ่มคนร้าย รวมทั้งบอกว่า “พวกมึงทำกูทำไม” และ “อีดาว มึงทำกูทำไม” ไม่นานนักก็เตะต้นไม้จนล้มลง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงไปตามๆกัน นอกจากนี้ยังพูดถึงความทุกข์ทรมาน ขณะกลุ่มคนร้ายคุมตัวเอาไว้โดยไม่ยอมให้กินอาหารและน้ำอีกด้วย และสุดท้ายได้พูดขึ้นมาว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วขอให้พากลับบ้านด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเชื่อได้ว่าวิญญาณของหลานสาวมาเข้าสิงผู้เป็นแม่อีกครั้ง ตนและญาติจึงร้องขอให้ดวงวิญญาณของ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง หลานสาวออกจากร่างของแม่เพื่อจะได้พากลับบ้าน จากนั้นนางสมพิศ ก็อ่อนแรงลง พร้อมกับสะบัดหน้าไปมา ระหว่างนั้นก็มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทุกคนจึงรีบขึ้นรถแล้วเดินทางกลับเพื่อไปรอรับศพของน.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง หลานสาว ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจทันที
นางสมคิด พลข่า เล่าต่อว่า สำหรับนางสมพิศ ตรัยจันทร์แดง ได้เลิกรากับสามีไปตั้งแต่ น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง นั้นเป็นเด็ก และอาศัยอยู่ที่บ้านกันตามลำพังสองแม่ลูก จนกระทั่งโตเป็นสาวแล้วเข้ามาหางานทำใน กทม.เพื่อหารายได้ส่งให้แม่เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันหลานสาวนั้นถือว่าเป็นเสาหลักของบ้าน ที่คอยทำงานหารายได้เลี้ยงแม่ อีกทั้งขณะนี้ผู้เป็นแม่ก็มาล้มป่วยเป็นโรคประจำตัวที่ต้องรักษา เมื่อหลานสาวมาเสียชีวิตเช่นนี้ผู้เป็นแม่ก็คงยากที่จะทำใจ อีกทั้งยังต้องมาขาดเสาหลักไปอีกด้วย ”นางสมคิด พลข่า เผย
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_179963