เมื่อลูกเป็นโรคภูมิแพ้จะมีการรักษาอย่างไร?

08 March 2012
550 view

เมื่อลูกเป็นโรคภูมิแพ้จะมีการรักษาอย่างไร?

สำหรับผื่นแพ้ทางผิวหนังที่เกิดขึ้นมักจะมีความคันและผิวแห้งแตก ซึ่งมีแนวทางการรักษาตามอาการ ดังนี้

  • ใช้ครีมบำรุงผิวชนิดที่เตรียมสำหรับผิวที่เกิดการแพ้ได้ง่ายทาตามตัว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนังในรายที่ผื่นแพ้ ค่อนข้างมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้ครีม ที่มีส่วนผสม ของสเตอรอยด์ที่เหมาะสม กับผิวที่มีปัญหานั้นๆ ให้ทาเพื่อ ควบคุมอาการแพ้ไม่ให้ลุกลาม ซึ่งครีมยาเหล่านี้ ควรใช้ ตาม คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • ทานยาแอนติฮีสตามีน หรือ ที่เรียกกันว่า ยาแก้แพ้ ซึ่งจะมีผลในการลดอาการคันได้เป็นอย่างดี แต่อาจมีผลทำให้เด็กง่วงได้บ้าง
  • พยายามลดการสัมผัสกับ สารก่อแพ้ ลงให้มากที่สุด เช่น ถ้าลูกแพ้ขนแมว ก็ควรจะ เลิกเลี้ยงแมว เปลี่ยนเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างอื่นแทน หรือ แพ้ไรฝุ่น และฝุ่นมาก แต่ทั้งบ้านเป็นพรม ถ้าไม่ได้แก้ไข เรื่องพรมในบ้าน ก็จะทำให้อาการแพ้ฝุ่นไม่ค่อยจะดีขึ้น แม้ว่าจะทำการรักษาอย่างเต็มที่ ถ้าสามารถหยุดการสัมผัสกับสารที่แพ้ได้ ยิ่งนานเท่าไร ( อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ) ก็มีโอกาสที่ระบบภูมิแพ้ของลูกอาจจะดีขึ้นจนไม่เกิดปฏิกิริยาอีก เมื่อกลับมาสัมผัสสารนั้นๆ เช่น ในรายที่แพ้นมวัว หรือ สารอาหารบางชนิด แต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกราย ( ต้องดูเป็นรายๆ ไป )
  • การทำการตรวจภูมิแพ้ (Allergy testing) ในเด็กเล็กนั้น ในบางกรณี อาจจะได้ผลไม่ชัดเจนและแปลผลยาก เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ยังทำงานไม่สมบูรณ์เต็มที่ ดังนั้นคุณจึงควรเลือกที่จะลดการสัมผัสกับสารก่อแพ้ให้มากที่สุดจะดีกว่า

จะมีทางป้องกันโรคภูมิแพ้ได้อย่างไรบ้าง ?

      ถ้าครอบครัวของคุณมีปัญหาภูมิแพ้คุณควรจะดูแลตนเองในระหว่างการตั้งครรภ์ตั้งแต่แรก โดยการเลี่ยงสารก่อแพ้ต่างๆ ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ทำให้ แพ้ได้ง่ายๆ เช่น ถั่วลิสง ( รวมถึง เนยถั่วลิสง, คุ๊กกี้ถั่ว, ไอสครีมถั่ว) หรือ อาหารทะเลปริมาณมากๆ
  2. พยายามให้นมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน ( ถ้าทำได้ ) ในช่วงการเลี้ยงนมแม่นั้น คุณเองก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ทาน ไข่ นมวัว ถั่ว และอาหารทะเล
  3. ถ้าคุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่ได้ เนื่องจากมีน้ำนมไม่พอ หรือ ไม่สามารถทำได้ จากสาเหตุต่างๆ ก็ควรพิจารณาใช้นมที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ทำ ให้เกิดการแพ้น้อย (Hypoallergenic) เพื่อลดโอกาส เกิด ปัญหาการแพ้ ให้ลด น้อยลง
  4. ไม่ควรให้มีการสูบบุหรี่ในบ้าน
  5. ไม่ใช้พรม ในห้องนอน ( หรือ ทั้งบ้าน )
  6. ใช้ ที่นอนและ เครื่องนอนที่ป้องกันไรฝุ่น
  7. รักษาความสะอาดในบ้านให้สม่ำเสมอ พยายามให้มีฝุ่น เชื้อรา และ สารก่อแพ้ ให้น้อยที่สุด
  8. ไม่ควรมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน ( เช่น แมว, หนูแฮมสเตอร์, นกแก้ว, นกหงส์หยก ฯลฯ ) หรือ ปลูกต้นไม้ในห้องนอน ( มีเชื้อรา ในดินได้ )