เคล็ดไม่ลับ! วิธีรักษารอยแตกลายหลังคลอด ให้กลับมาเนียนกระชับอย่างได้ผล

25 July 2016
39295 view

โดย นพ.นิวัฒน์ อรัญญาเกษมสุข สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์

โรงพยาบาลพญาไท 2

    ในขณะตั้งครรภ์ ผิวหนังของคุณแม่ตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงจากอิทธิพลของฮอร์โมนหลายชนิด (Estrogen, Relaxin, Adrenocortical Hormones) การเกิดรอยแตก รอยแยก ที่หน้าท้อง หรือที่เรียกกันว่า ท้องลาย (Striae gravidarum หรือ Stretch marks) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่พบได้บ่อยถึงร้อยละ 50-60 ของหญิงตั้งครรภ์ ลักษณะเป็นรอยบุ๋มบางๆสีชมพู แดง หรือสีม่วง บนผิวหนัง มักเป็นบริเวณท้องน้อย สะโพก เต้านม และต้นขา ถ้าเป็นมากอาจพบที่ แขน หลัง และก้นได้ด้วย ซึ่งจะไม่หายสนิท แต่มักจะดูจางลงหลังคลอด

สาเหตุของการเกิด ท้องลาย ในขณะตั้งครรภ์

    สาเหตุยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน เชื่อว่าเกิดจากผิวหนังมีการยืดขยายจากมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ คอลลาเจน และเส้นใยอีลาสติน ใต้ผิวหนัง คุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีการยืดขยายของผิวหนังหน้าท้องตั้งแต่อายุครรภ์ 4 เดือนเป็นต้นไป และแม้ว่ารอยแตกลายมักจะเริ่มปรากฏในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ( ประมาณเดือนที่ 6 หรือเดือนที่ 7 ) แต่ในหญิงตั้งครรภ์บางรายอาจพบว่ารอยแตกลายเริ่มก่อตัวแม้ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในรายที่มีการขยายของผิวหนังหน้าท้องอย่างรวดเร็ว เช่น ครรภ์แฝด ทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่ หรือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีโอกาสเกิดท้องลายได้มากกว่าครรภ์ปกติ อาการข้างเคียงอื่นๆที่สำคัญ ได้แก่ การระคายเคือง อันเนื่องจากผิวแห้งและขยายตัวอย่างรวดเร็ว บางรายอาจเกิดอาการคัน จนทนไม่ไหวเผลอใช้มือเกาจนทำให้เกิดแผล

    ดังนั้นการให้ความชุ่มชื้นเพื่อบรรเทาอาการผิวแห้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน จึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวของคุณแม่ตั้งครรภ์และปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งมักมีภาวะแพ้ต่อสิ่งต่างๆได้ง่าย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในรูปแบบน้ำมันทาผิว ( Oil-based) จะป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดีที่สุด อีกทั้งยังนำพาสารสกัดสำคัญ ซึมลึกเข้าสู่ผิว ทั้งนี้น้ำมันทาผิวหลากหลายรูปแบบอาจจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไป แต่หากมีส่วนผสมเฉพาะผสานร่วมกับ PurCellin Oil นั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลการวิจัยรองรับจากต่างประเทศว่าช่วยนำพาสารสำคัญสู่ผิวโดยไม่ทิ้งคราบ ความมันบนชั้นผิว ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ต้องการบำรุงผิวส่วนขยายด้วยผลิตภัณฑ์รูปแบบน้ำมันที่เบาสบายผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เวลาที่เหมาะ

    สำหรับการใช้น้ำมันทาผิวมากที่สุด คือ ช่วงหลังอาบน้ำ เพราะผิวยังมีความชุ่มชื้น การใช้น้ำมันทาผิวในช่วงนี้จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ผิว ใช้ทันทีหลังเช็ดตัวหมาดๆและสามารถทาเพิ่มได้ในช่วงระหว่างวันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวตลอดเวลา และควรใช้ต่อเนื่องจนถึงช่วงหลังคลอดเพื่อปรับสภาวะผิวที่กำลังมีการหดตัว เพื่อให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลังคลอด