เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการจ่ายเงินอุดหนุนในโครงการนี้ จากเดิมเด็กแรกเกิด (1ตค.58) จนอายุครบ 1 ปี ขอขยายเป็น 3 ปี วงเงินจาก 400 บาทเป็น 600 บาท โดยมีที่มาจากการตรวจสอบของทีดีอาร์ไอ หรือยูนิเซฟก็ตามพบว่า เด็กแรกเกิดจนมีอายุ 6 ปีนั้น มีความสำคัญมากที่สุด ต่อการเจริญเติบโต
เป็นช่วงที่ร่างกาย สมอง สติปัญญาจะพัฒนาได้ดีที่สุด ดังนั้น หากได้ดูแล เอาใจใส่ จะทำให้พัฒนาการดี วันข้างหน้าจะเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าสูงของสังคม ส่วนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มจาก 400 บาท เป็น 600 บาทนั้น มีการตรวจสอบแล้วพบว่า อาหารมีผลต่อการเจริญเติบโตต่อการพัฒนาสมองของเด็กเล็ก ของเด็กเล็กที่เฉลี่ยประมาณ 500-800 กว่าบาท ดังนั้นในเกณฑ์ที่เหมาะสมคิดเฉลี่ยมาแล้วจึงเพิ่มเป็น 600 บาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โครงการฯช่วงแรก (1 ต.ค.58 – 30 ก.ย.59) ที่ต้องอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ขวบ จะต้องใช้งบประมาณ 864 ล้านบาท ส่วนเด็กแรกเกิดที่จะเกิดในปี 2560 นั้น จะต้องใช้งบฯอีก 468 ล้านบาท รวมงบฯดำเนินการอื่นๆอีกแล้วจะต้องใช้งบฯ อีก 1,351 ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีปรารภว่า ข้อมูลที่ได้จากทีดีอาร์ไอ หรือยูนิเซฟนั้น เป็นข้อมูลเฉพาะจากโครงการ แต่ข้อมูลผลสำเร็จของโครงการในระยะแรกที่ขยายนั้น จะทำให้เห็นว่าเด็กมีพัฒนาการมากแค่ไหน มีการรั่วไหลของเงินหรือไม่ มีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งนายกฯ ยังสั่งการให้ไปรวบรวมปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อาทิ การที่ตัวแม่เป็นผู้รับเงิน แต่ลูกอยู่ที่ต่างจังหวัดกับยาย แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเงินถึงเด็กจริง
ที่มา : ข่าวสด